ห้องเพลง  



เมื่อตามเสด็จไปอยู่ที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ราวปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้รับพระราชเสาวนีย์จากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถให้เขียนบทกลอนแสดงความนิยม ส่งเสริมคนดีให้มีกำลังใจทำงานเพื่ออุดมคติ เพื่อประเทศชาติ ข้าพเจ้าค่อย คิดหาคำ กลั่นกรองให้ตรงกับความหมายเท่าที่จะสามารถ แล้วทูลเกล้าฯ ถวายทอดพระเนตร ทรงพระกรุณาติชม จนผลสุดท้ายออกมาเป็นกลอน ๕ บท ดังนี้


ความฝันอันสูงสุด

ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทนง

     จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

     ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป

     นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน

     โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทยฯ

 


     กี่ปีมาแล้วที่ความนึกคิดนี้ถ่ายทอดออกมาเป็นบทกลอน ข้าพเจ้าอยากระบายความรู้สึกให้เป็นที่รู้กันว่า ความบันดาลใจในเรื่องนี้มีที่มาจากการสังเกตของข้าพเจ้า ได้รู้เห็นพระราชอัธยาศัย พระราชจริยาวัตร ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประพฤติปฏิบัติ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่เสื่อมคลาย
      สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดให้พิมพ์บทกลอนนี้ลงในกระดาษการ์ดแผ่นเล็กๆ พระราชทานข้าราชการ ทหาร พลเรือน และผู้ทำงานเพื่อประเทศชาติ เตือนสติมิให้ท้อถอยในการทำความดี เพราะบ้านเมืองขณะนั้นยุ่งอลเวง น่าเป็นห่วงอนาคตของประเทศชาติ
      ต่อมาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้กราบบังคมทูลขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใส่ทำนองเพลงในกลอน " ความฝันอันสูงสุด " ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ดังที่เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ รู้จักกันแพร่หลายทุกวันนี้



ห้องเพลง

ความฝันอันสูงสุด

แผ่นดินของเรา

ย่าเหล

ดอกต้อยติ่ง

ผู้ดี

เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย

เพลินภูพิงค์

มาร์ชราชนาวิกโยธิน

ตำรวจตระเวนชายแดน

เตือนใจ

ไร้เดือน

เกาะในฝัน

ชมประดู่