|
ตามเสด็จไปอีสาน
อำเภอเลิงนกทา ม.ล.เติบ
ชุมสาย
ตั้งเครื่องให้ชื่อเหมาะกับภูมิประเทศ
จึงติดตามมาทำเสมอ
ซุปนกกระทา
น้ำซุปไก่
๑ ตัว ตวงให้ได้ ๖
ถ้วย
แป้งมัน ๓ ช้อนโต๊ะ
เนื้อไก่เปื่อยบดหรือสับละเอียด
ปูทะเลแกะ
แฮม
เห็ดสด
เห็ดหอมหั่นละเอียดอย่างละ
๑/๔ ถ้วย
ไข่ ๓ ฟอง (ถ้าใช้แต่ไข่แดง
๕ ฟอง) ตีพอเข้ากัน
ตวงน้ำซุปใส่หม้อตั้งให้เดือด
ตักน้ำซุปที่เหลือใส่ชามไก่นิดหน่อย
ละลายแป้งมันด้วยน้ำไก่ที่เย็น
๑/๔ ถ้วย เตรียมไว้
พอซุปเดือด
ใส่เนื้อไก่ที่เคล้าน้ำซุปไว้แล้ว
ใส่เห็ด
ให้เดือดอีกครั้ง
ใส่น้ำซีอิ๊วใส ๔
ช้อนโต๊ะ
หรี่ไฟตอนใส่ไข่
ใช้ไม้ตีไม่ให้เป็นลูก
ให้เนื้อไข่ละเอียด
ใส่แฮม
และแป้งมันสุดท้าย
ยกหม้อลงจากเตา
โรยผักชี พริกไทย
ใส่ไข่นกกระทาต้มแข็ง
ให้สมชื่อ
|
ประมาณ
๔๐ ปีมาแล้ว
ได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระบรมราชินีนาถเมื่อทรงแปรพระราชฐานไปประทับที่พระราชวังไกลกังวล
หัวหิน
เวลานั้นน้ำทะเลใสสะอาด
ชายหาดเกลื่อนด้วยเปลือกหอยนานาชนิด
กำลังนิยมประดับเปลือกหอยรูปต่างๆ
บนหลังตะกร้าหวายถือเล็กๆ
กัน
เมื่อใดขาดเปลือกหอยก็ลงไปชายหาดเดินเลือกเก็บ
ประเดี๋ยวเดียวก็ได้เปลือกหอยที่ถูกใจ
เก็บมาทำต่อได้ทันที
สมัยนั้นเองที่อาหารทะเลยังสดสะอาดไร้น้ำยาเคมีที่แช่ชุบเพื่อให้สดอย่างทุกวันนี้
จึงเป็นการสะดวกและสนิทใจที่จะปรุงอาหารจากทะเล
อย่าที่รู้ว่าชาวประมงมาเซลล์
ฝรั่งเศส
เขาทำกันตอนเช้ามืด
เมื่อเรือหาปลากลับเข้าฝั่ง
เรียกว่า ซุปปลา หรือ
Boullabaise บุยยาเบส
ซุปปลา
หรือ บุยยาเบส
เครื่องปรุง
: เลือกปลา ๒ ชนิด
ที่เนื้อสุกง่าย
มีกุเลา จาระเม็ด
ใบขนุน หอยแมลงภู่
กุ้งน้ำจืด (เวลาสุกเนื้อแดงน่ากิน)
ที่เนื้อสุกยาก
ได้แก่ ปลาอินทรี
กระพง ปูทะเล
หั่นหอมหัวใหญ่เป็นชิ้นเล็กๆ
๑
ถ้วย
มะเขือเทศ
๑
ถ้วย
ผักชีฝรั่ง
๑
ถ้วย
ตัดปลาเอาแต่เนื้อไว้ต่างหาก
หัว หาง กระดูก
ใส่หม้อต้มเป็นน้ำสต็อก
เวลาต้มใส่ปลาตั้งแต่น้ำเย็น
เปิดฝาหม้อ
ใส่ใบกระวาน ๒ ใบ
หญ้าฝรั่น Thymes พอควร
ใส่หอม
มะเขือเทศ
ผักชีลงก้นหม้ออีกใบหนึ่ง
น้ำมัน Olive ๑/๒
ขวดเล็ก วางชิ้นปู
ปลาที่สุกยากบนผัก
ใส่ Tomato paste (เปรี้ยว)
Ketchup (หวาน) เกลือ
แล้วเทน้ำสต็อกที่เตรียมไว้เดือดๆ
ลงตั้งไฟให้เดือดต่อ
๕ นาที ค่อยๆ
ช้อนเนื้อปลาที่สุกใส่ชามกรองน้ำเอาแต่ใสๆ
ราด (ชิมน้ำซุปให้รสเปรี้ยว
เค็ม ตามชอบก่อน)
รับประทานกับขนมปังกระเทียมโดยเนยแข็ง
รับประทานกันว่าอร่อยกว่าร้านริมชายทะเล
Nice และ Canne ฝรั่งเศสใต้เสียอีก
|
|
|
|