|
แด่เธอ..ยอดหญิงของลูก |
ชีวิตทุกชีวิตเริ่มต้นจากศูนย์
นั่นเป็นสิ่งที่แน่นอน
ส่วนถ้อยคำที่นำมาสรรเสริญเยินยอนับวาสนานัยหนึ่งว่าเกิดมาบนกองเงินกองทอง
หรือการคาบช้อนเงินช้อนทองกันมาแต่อ้อนแต่ออกนั้น
ล้วนเอ่ยอ้างเพื่อปรุงแต่งชีวิตให้เลิศหรูเท่านั้น
หาใช่ธรรมชาติที่แท้จริงแห่งอุบัติการณ์แห่งความเป็นมนุษย์ไม่
การสั่งสมที่ซ้ำซ้อนและส่งต่อกันมานับเนิ่นนานนั้นล้วนทำให้มนุษย์เกิดความแตกต่างทั้งทางชนชั้น
สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม
ยิ่งสั่งสมก็ยิ่งแหวกทางให้เกิดช่องว่างระหว่างมนุษย์ด้วยกันขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งที่โดยพื้นฐานแห่งชีวิตแล้วล้วนเท่าเทียม
หาได้มีใครเด่นหรือด้อยกว่ากันแม้แต่น้อยเลย
ที่เกริ่นมาทั้งหมดนี้แม้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่อยากจะเล่า
แต่อยากปูพื้นแห่งทัศนคติของผู้เขียนให้พอทราบก่อนที่จะเล่าถึงชีวิตของผู้หญิงแกร่งผู้หนึ่งซึ่งรักศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์
และชีวิตนี้ไม่เคยท้อถอยต่ออุปสรรค
ไม่ยอมถูกตราหน้าว่าหมดหนทางสู้
ไม่เคยจนตรอกและร้องขอความช่วยเหลือจากใคร
ไม่นิยมสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ใด
เธอเป็นนักต่อสู้ที่ยุติธรรมเสมอ
เธอคือแม่ของข้าพเจ้าเอง
แม้บัดนี้แม่จะหาชีวิตไม่แล้ว
แต่ชีวิตของแม่น่าศึกษาเป็นกรณีตัวอย่างแก่ลูกๆได้เสมอ
สิบสามปีผ่านไป
ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่มีวันไหนที่ลูกไม่คิดถึงแม่
ทำไมน่ะหรือ?
ไปหาคำตอบกันเอาเองแล้วกันนะคะ
เมื่อชีวิตน้อยถูกกำเนิด
แม่เป็นลูกของคุณตากับคุณยายซึ่งแม้จะไม่ได้ร่ำรวยล้นจนเหลือเฟือ
แต่ก็ไม่ได้ยากจนแค้นกัดชนิดก้อนเกลือกินแต่ประการใด
สมัยนี้เรียกขานกันว่าเป็นระดับชนชั้นกลาง
อันที่จริงคุณตาข้าพเจ้าขณะนั้นติดจะค่อนข้างมีอันจะกินเสียด้วยซ้ำไป
แต่แม่โชคร้ายไปหน่อย
ซึ่งข้าพเจ้าโทษความโบร่ำโบราณของยุคสมัย
ที่ใครๆ
ต่างมีความคิดอยากให้ลูกคนหัวปีเป็นผู้ชาย
ไม่ว่าธรรมเนียมไหนไทยหรือจีนก็มักคิดเช่นนี้
แต่แม่เป็นลูกหัวปีที่บังเอิญเกิดเป็นหญิง
สมัยนั้นก็ไม่พ้นถูกตั้งข้อรังเกียจ
โดยเฉพาะคุณตาข้าพเจ้านั้นไม่สบอารมณ์ท่านเอาเสียเลย
ชีวิตแม่จึงเติบโตมาท่ามกลางความไม่ใคร่จะใส่ใจใยดี
จะทำอะไรก็ดูเหมือนไม่ถูกอกถูกใจ
และมักถูกลงโทษเกินกว่าเหตุอันสมควรอยู่เสมอ
แต่รู้สึกแปลกใจที่เวลาผ่านไปไม่นาน
น้องชายหญิงของแม่ที่เกิดตามกันมาหลายคน
ไม่ได้ถูกตั้งข้อเดียดฉันท์อย่างที่แม่ได้รับ
ปมแผลนี้ร้าวลึกฝังใจไม่อาจลบเลือน
กิตติศัพท์ที่แม่ตกเป็นผู้รองรับอารมณ์ไม่สมใจของคุณตาเป็นที่เล่าลือไปทั่วในวงศาคณาญาติทางด้านคุณยาย
แต่ก็ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าไปโอบอุ้มช่วยเหลือ
ได้แต่วิพากษ์วิจารณ์กันในหมู่ตนและสะสมความขึ้งเครียดด้วยความสงสารหลานสาวเอาไว้ในใจ
เมื่อครั้นอายุใกล้วัยเรียน
คุณยายเล็กน้าสาวของแม่ซึ่งเป็นคนโผงผางที่สุดก็อดรนทนไม่ได้กับความไม่ยุติธรรมนั้น
จึงได้ออกอุบายหมายจะขโมยตัวแม่มาไว้ที่บ้านท่าน
(บ้านเกิดคุณยาย)
โดยทำเป็นว่าไปขออนุญาตรับตัวแม่มาเที่ยวและค้างที่บ้านตรอกจันทน์
ซึ่งแม่ก็ดีใจที่จะได้ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้างโดยที่ไม่ทราบล่วงหน้าเลยว่ากำลังถูกโจรกรรมตัว
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาแม่ก็ไม่ได้กลับไปบ้านคุณตาอีกเลย
เพราะคุณยายเล็กกักตัวเอาไว้แล้ว
ไม่ยอมคืนให้
ดูเหมือนจะมีการออกโรงค้านและคัดง้างกันพอสมควร
ระหว่างคุณตากับคุณยายเล็ก
แต่เสียงคุณยายเล็กดังกว่า
และคุณตาก็ต้องยอมจำนนในที่สุด
แม่อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของคุณยายเล็กซึ่งแม่บอกว่ารักและเคารพประดุจดังแม่บังเกิดเกล้าอีกคนนึงเลยทีเดียว
ชีวิตในวัยเยาว์แม้ไม่แจ่มใสสนุกสนานเท่าที่เด็กคนหนึ่งควรจะเป็น
แต่เมื่อมาได้รับความรัก
การดูแลเอาใจใส่อย่างดี
สิ่งที่ขาดหายก็ถูกเติมให้เต็มขึ้นมาได้
ความสดใสสดชื่นกลับคืนมาสู่เด็กน้อยในวาระนี้เอง
ที่นี่แม่ได้เรียนหนังสือในภาคบังคับจนอ่านออกเขียนได้
แม่เล่าเสมอว่าแม่สอบได้ที่หนึ่งทุกครั้ง
เป็นเหตุให้ได้รับรางวัลเป็นสมุดหนังสือ
อุปกรณ์เครื่องเขียนที่จำเป็น
ช่วยประหยัดทรัพย์คุณยายเล็กไปได้ไม่ใช่น้อย
ด้วยความขยันหมั่นเพียร
ความอดทนสูง
คิดดีใฝ่ดีทำใหแม่กลายเป็นที่รักของคุณยายเล็ก
คุณยายรอง
และใครต่อใครในระแวกนั้น
แต่ก็นั่นแหละ
ชีวิตไม่อาจลิขิตได้เอง
แม่เล่าให้ฟังว่าสุดแสนจะเสียดายที่คุณยายเล็กซึ่งเป็นผู้ให้การอุปการะแม่มาตลอด
เริ่มมีครอบครัวและให้กำเนิดบุตร
(รวมทั้งสิ้น 3 คน) ซึ่งนับได้ว่าเป็นลูกผู้น้องของแม่
ในวาระนี้เองที่แม่ตระหนักว่าสิ่งที่บังเกิดขึ้นมานั้นเป็นภาระที่แม่ต้องร่วมรับผิดชอบ
และด้วยเหตุผลนี้เองแม่ระงับการเรียนต่อทั้งที่เป็นสิ่งที่ปรารถนา
ด้วยความเกรงใจ
เพราะช่วงนั้นฐานะการเงินคุณยายเล็กไม่เอื้ออำนวย
และไม่ต้องการกลับไปรบกวนคุณตา
แม่จึงสละเวลาทั้งหมดช่วยงานคุณยายเล็ก
ทำงานบ้าน
ช่วยทำขนมไปขาย
ช่วยเลี้ยงน้องที่เกิดมาใหม่
แต่แม่ก็เจียดเวลาว่างเท่าที่มีไปเรียนเสริมเกี่ยวกับการตัดเย็บเสื้อผ้า
การดัดผมสตรี
(ซึ่งยอดฮิตในสมัยก่อนนั้น)
และวิชาเสริมที่แม่อุตส่าห์หาเวลาไปเรียนมานี้เอง
ต่อมายังได้นำมาเป็นชีพเสริมรายได้ช่วยสามีหลังจากออกเรือนไปแล้ว
นอกจากตัดเย็บเสื้อผ้า
ดัดผมเป็นแล้ว
แม่ก็ยังทำอาหารเก่งและอร่อยด้วย
รู้จักดัดแปลงให้น่ารับประทาน
ซึ่งอันนี้ได้รับอิทธิพลจากคุณยายเล็กซึ่งเก่งในเรื่องการทำอาหาร
แม่จำมาหมดทั้งตำรับตำรา
เคล็ดลับ
และรสมือ
เมื่อได้รับรู้เรื่องราวแห่งกำเนิดและชีวิตในวัยเด็กของแม่แล้ว
ข้าพเจ้าอดไม่ได้ที่จะนำมาประมวลเป็นอุทธาหรณ์สอนใจตัวเองว่า
มนุษย์เราแท้จริงนั้นไม่มีอำนาจแม้แต่น้อยในการสร้างชีวิตมนุษย์ด้วยกัน
มนุษย์ถูกกำหนดเป็นเพียงผู้ให้กำเนิด
และดูแลชีวิตที่ก่อกำเนิดนั้นให้ดำรงอยู่รอดปลอดภัย
เป็นพันธกิจประการเดียวของมนุษย์ที่จะดำรงเผ่าพันธุ์ไว้ได้
ที่สำคัญไม่มีใครเป็นเจ้าชีวิตใคร
กลไกที่ใช้กำกับชีวิตให้ดำรงอยู่ได้คือสติปัญญา
สุดแต่ใครจะนำมาใช้ในทางที่ถูกหรือผิด
ก็ยังขึ้นอยู่กับองค์ประกอบร่วมคือจิตใจ
ซึ่งมีบทบาทสูงมาก
รวมพาดพิงไปถึงสิ่งที่บังคับกันยากเย็นด้วยคืออารมณ์
พฤติกรรมทั้งหลายของมนุษย์ถูกกำหนดโดยสิ่งเหล่านี้เป็นหลัก
โดยนัยนี้เอง
ข้าพเจ้าจึงสรุปว่า
แม่ก็คือมนุษย์
มนุษย์ที่เลือกเกิดเองไม่ได้
ว่าจะให้เป็นชายหรือหญิง
เลือกสถานะตนเองไม่ได้ว่าจะเกิดในตระกูลอย่างไร
เผ่าพันธุ์ใด
แต่เมื่อก่อกำเนิดมาแล้ว
แม่ก็เข้าสู่กระบวนการเลี้ยงดูตามขั้นตอน
เพื่อพัฒนาวุฒิภาวะให้สูงขึ้นตามกาลเวลา
และเมื่อถึงวัยที่กลไกชีวิตเริ่มทำงานเองได้
แม่ก็ใช้สิทธิ์ในการตัดสินใจด้วยวิธีของแม่เอง
ระหว่างทางอาจมีผู้ช่วยนำทาง
แผ้วทาง
ก่อเกื้อช่วยเหลือในเบื้องแรก
แต่เมื่อเวลาผ่านไป
ทุกชีวิตมีหนทางของตนเอง
มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ
จะเพียงเฉพาะตน
ต่อผู้อื่น
หรือจะมีผู้อื่นมามาร่วมรับ
ชนิดเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันไปนั้น
ก็ต้องแล้วแต่วิถีชีวิต
รวมถึงวิจารณญาณของแม่เองแบบล้วนๆ
นั่นเลย
|