riam.jpg (4734 bytes)

แด่เธอ..ยอดหญิงของลูก

            ชีวิตทุกชีวิตเริ่มต้นจากศูนย์ นั่นเป็นสิ่งที่แน่นอน ส่วนถ้อยคำที่นำมาสรรเสริญเยินยอนับวาสนานัยหนึ่งว่าเกิดมาบนกองเงินกองทอง หรือการคาบช้อนเงินช้อนทองกันมาแต่อ้อนแต่ออกนั้น ล้วนเอ่ยอ้างเพื่อปรุงแต่งชีวิตให้เลิศหรูเท่านั้น หาใช่ธรรมชาติที่แท้จริงแห่งอุบัติการณ์แห่งความเป็นมนุษย์ไม่ การสั่งสมที่ซ้ำซ้อนและส่งต่อกันมานับเนิ่นนานนั้นล้วนทำให้มนุษย์เกิดความแตกต่างทั้งทางชนชั้น สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม ยิ่งสั่งสมก็ยิ่งแหวกทางให้เกิดช่องว่างระหว่างมนุษย์ด้วยกันขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่โดยพื้นฐานแห่งชีวิตแล้วล้วนเท่าเทียม หาได้มีใครเด่นหรือด้อยกว่ากันแม้แต่น้อยเลย
             ที่เกริ่นมาทั้งหมดนี้แม้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่อยากจะเล่า แต่อยากปูพื้นแห่งทัศนคติของผู้เขียนให้พอทราบก่อนที่จะเล่าถึงชีวิตของผู้หญิงแกร่งผู้หนึ่งซึ่งรักศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และชีวิตนี้ไม่เคยท้อถอยต่ออุปสรรค ไม่ยอมถูกตราหน้าว่าหมดหนทางสู้  ไม่เคยจนตรอกและร้องขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่นิยมสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ใด เธอเป็นนักต่อสู้ที่ยุติธรรมเสมอ  เธอคือแม่ของข้าพเจ้าเอง แม้บัดนี้แม่จะหาชีวิตไม่แล้ว แต่ชีวิตของแม่น่าศึกษาเป็นกรณีตัวอย่างแก่ลูกๆได้เสมอ  สิบสามปีผ่านไป ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่มีวันไหนที่ลูกไม่คิดถึงแม่ ทำไมน่ะหรือ? ไปหาคำตอบกันเอาเองแล้วกันนะคะ

เมื่อชีวิตน้อยถูกกำเนิด

           แม่เป็นลูกของคุณตากับคุณยายซึ่งแม้จะไม่ได้ร่ำรวยล้นจนเหลือเฟือ แต่ก็ไม่ได้ยากจนแค้นกัดชนิดก้อนเกลือกินแต่ประการใด   สมัยนี้เรียกขานกันว่าเป็นระดับชนชั้นกลาง อันที่จริงคุณตาข้าพเจ้าขณะนั้นติดจะค่อนข้างมีอันจะกินเสียด้วยซ้ำไป แต่แม่โชคร้ายไปหน่อย ซึ่งข้าพเจ้าโทษความโบร่ำโบราณของยุคสมัย ที่ใครๆ ต่างมีความคิดอยากให้ลูกคนหัวปีเป็นผู้ชาย ไม่ว่าธรรมเนียมไหนไทยหรือจีนก็มักคิดเช่นนี้  แต่แม่เป็นลูกหัวปีที่บังเอิญเกิดเป็นหญิง สมัยนั้นก็ไม่พ้นถูกตั้งข้อรังเกียจ โดยเฉพาะคุณตาข้าพเจ้านั้นไม่สบอารมณ์ท่านเอาเสียเลย  ชีวิตแม่จึงเติบโตมาท่ามกลางความไม่ใคร่จะใส่ใจใยดี จะทำอะไรก็ดูเหมือนไม่ถูกอกถูกใจ และมักถูกลงโทษเกินกว่าเหตุอันสมควรอยู่เสมอ  แต่รู้สึกแปลกใจที่เวลาผ่านไปไม่นาน น้องชายหญิงของแม่ที่เกิดตามกันมาหลายคน ไม่ได้ถูกตั้งข้อเดียดฉันท์อย่างที่แม่ได้รับ ปมแผลนี้ร้าวลึกฝังใจไม่อาจลบเลือน กิตติศัพท์ที่แม่ตกเป็นผู้รองรับอารมณ์ไม่สมใจของคุณตาเป็นที่เล่าลือไปทั่วในวงศาคณาญาติทางด้านคุณยาย แต่ก็ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าไปโอบอุ้มช่วยเหลือ ได้แต่วิพาษ์วิจารณ์กันในหมู่ตนและสะสมความขึ้งเครียดด้วยความสงสารหลานสาวเอาไว้ในใจ เมื่อครั้นอายุใกล้วัยเรียน คุณยายเล็กน้าสาวของแม่ซึ่งเป็นคนโผงผางที่สุดก็อดรนทนไม่ได้กับความไม่ยุติธรรมนั้น จึงได้ออกอุบายหมายจะขโมยตัวแม่มาไว้ที่บ้านท่าน (บ้านเกิดคุณยาย) โดยทำเป็นว่าไปขออนุญาตรับตัวแม่มาเที่ยวและค้างที่บ้านตรอกจันทน์ ซึ่งแม่ก็ดีใจที่จะได้ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้างโดยที่ไม่ทราบล่วงหน้าเลยว่ากำลังถูกโจรกรรมตัว นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาแม่ก็ไม่ได้กลับไปบ้านคุณตาอีกเลย เพราะคุณยายเล็กกักตัวเอาไว้แล้ว ไม่ยอมคืนให้ ดูเหมือนจะมีการออกโรงค้านและคัดง้างกันพอสมควร ระหว่างคุณตากับคุณยายเล็ก แต่เสียงคุณยายเล็กดังกว่า และคุณตาก็ต้องยอมจำนนในที่สุด  แม่อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของคุณยายเล็กซึ่งแม่บอกว่ารักและเคารพประดุจดังแม่บังเกิดเกล้าอีกคนนึงเลยทีเดียว
               ชีวิตในวัยเยาว์แม้ไม่แจ่มใสสนุกสนานเท่าที่เด็กคนหนึ่งควรจะเป็น  แต่เมื่อมาได้รับความรัก การดูแลเอาใจใส่อย่างดี สิ่งที่ขาดหายก็ถูกเติมให้เต็มขึ้นมาได้ ความสดใสสดชื่นกลับคืนมาสู่เด็กน้อยในวาระนี้เอง ที่นี่แม่ได้เรียนหนังสือในภาคบังคับจนอ่านออกเขียนได้ แม่เล่าเสมอว่าแม่สอบได้ที่หนึ่งทุกครั้ง เป็นเหตุให้ได้รับรางวัลเป็นสมุดหนังสือ อุปกรณ์เครื่องเขียนที่จำเป็น ช่วยประหยัดทรัพย์คุณยายเล็กไปได้ไม่ใช่น้อย  ด้วยความขยันหมั่นเพียร ความอดทนสูง คิดดีใฝ่ดีทำใหแม่กลายเป็นที่รักของคุณยายเล็ก คุณยายรอง และใครต่อใครในระแวกนั้น  แต่ก็นั่นแหละ ชีวิตไม่อาจลิขิตได้เอง แม่เล่าให้ฟังว่าสุดแสนจะเสียดายที่คุณยายเล็กซึ่งเป็นผู้ให้การอุปการะแม่มาตลอด เริ่มมีครอบครัวและให้กำเนิดบุตร (รวมทั้งสิ้น 3 คน)  ซึ่งนับได้ว่าเป็นลูกผู้น้องของแม่ ในวาระนี้เองที่แม่ตระหนักว่าสิ่งที่บังเกิดขึ้นมานั้นเป็นภาระที่แม่ต้องร่วมรับผิดชอบ และด้วยเหตุผลนี้เองแม่ระงับการเรียนต่อทั้งที่เป็นสิ่งที่ปรารถนา ด้วยความเกรงใจ เพราะช่วงนั้นฐานะการเงินคุณยายเล็กไม่เอื้ออำนวย และไม่ต้องการกลับไปรบกวนคุณตา  แม่จึงสละเวลาทั้งหมดช่วยงานคุณยายเล็ก ทำงานบ้าน ช่วยทำขนมไปขาย ช่วยเลี้ยงน้องที่เกิดมาใหม่  แต่แม่ก็เจียดเวลาว่างเท่าที่มีไปเรียนเสริมเกี่ยวกับการตัดเย็บเสื้อผ้า การดัดผมสตรี (ซึ่งยอดฮิตในสมัยก่อนนั้น) และวิชาเสริมที่แม่อุตส่าห์หาเวลาไปเรียนมานี้เอง ต่อมายังได้นำมาเป็นชีพเสริมรายได้ช่วยสามีหลังจากออกเรือนไปแล้ว นอกจากตัดเย็บเสื้อผ้า ดัดผมเป็นแล้ว แม่ก็ยังทำอาหารเก่งและอร่อยด้วย รู้จักดัดแปลงให้น่ารับประทาน ซึ่งอันนี้ได้รับอิทธิพลจากคุณยายเล็กซึ่งเก่งในเรื่องการทำอาหาร แม่จำมาหมดทั้งตำรับตำรา เคล็ดลับ และรสมือ
            เมื่อได้รับรู้เรื่องราวแห่งกำเนิดและชีวิตในวัยเด็กของแม่แล้ว ข้าพเจ้าอดไม่ได้ที่จะนำมาประมวลเป็นอุทธาหรณ์สอนใจตัวเองว่า มนุษย์เราแท้จริงนั้นไม่มีอำนาจแม้แต่น้อยในการสร้างชีวิตมนุษย์ด้วยกัน มนุษย์ถูกกำหนดเป็นเพียงผู้ให้กำเนิด  และดูแลชีวิตที่ก่อกำเนิดนั้นให้ดำรงอยู่รอดปลอดภัย เป็นพันธกิจประการเดียวของมนุษย์ที่จะดำรงเผ่าพันธุ์ไว้ได้  ที่สำคัญไม่มีใครเป็นเจ้าชีวิตใคร  กลไกที่ใช้กำกับชีวิตให้ดำรงอยู่ได้คือสติปัญญา สุดแต่ใครจะนำมาใช้ในทางที่ถูกหรือผิด ก็ยังขึ้นอยู่กับองค์ประกอบร่วมคือจิตใจ ซึ่งมีบทบาทสูงมาก รวมพาดพิงไปถึงสิ่งที่บังคับกันยากเย็นด้วยคืออารมณ์ พฤติกรรมทั้งหลายของมนุษย์ถูกกำหนดโดยสิ่งเหล่านี้เป็นหลัก  โดยนัยนี้เอง ข้าพเจ้าจึงสรุปว่า แม่ก็คือมนุษย์ มนุษย์ที่เลือกเกิดเองไม่ได้ ว่าจะให้เป็นชายหรือหญิง เลือกสถานะตนเองไม่ได้ว่าจะเกิดในตระกูลอย่างไร เผ่าพันธุ์ใด แต่เมื่อก่อกำเนิดมาแล้ว แม่ก็เข้าสู่กระบวนการเลี้ยงดูตามขั้นตอน เพื่อพัฒนาวุฒิภาวะให้สูงขึ้นตามกาลเวลา และเมื่อถึงวัยที่กลไกชีวิตเริ่มทำงานเองได้ แม่ก็ใช้สิทธิ์ในการตัดสินใจด้วยวิธีของแม่เอง  ระหว่างทางอาจมีผู้ช่วยนำทาง แผ้วทาง ก่อเกื้อช่วยเหลือในเบื้องแรก  แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกชีวิตมีหนทางของตนเอง มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ จะเพียงเฉพาะตน  ต่อผู้อื่น หรือจะมีผู้อื่นมามาร่วมรับ ชนิดเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันไปนั้น ก็ต้องแล้วแต่วิถีชีวิต รวมถึงวิจารณญาณของแม่เองแบบล้วนๆ นั่นเลย