ภูมิศาสตร์นรก
ข้าพเจ้าอยากจะพูดเพียงภูมิศาสตร์นรกแต่ก็ต้องกล่าวถึงศัพท์อบายภูมิก่อน
คำว่าอบายภูมิ แปลว่า
กำเนิดที่ปราศจากความเจริญ
มี ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย
ดิรัจฉาน
คำว่านรก
พจนานุกรมอธิบายว่า
โลกเป็นที่ลงโทษผู้ทำบาปเมื่อตายไปแล้ว
มีศัพท์ที่มีความหมายเหมือนกันอีก
บางศัพท์คือ นิรย
และนรกานต์ เป็นต้น
ผู้คุมนรกเรียกเป็นศัพท์ว่านิรยบาล
นรกนั้นอยู่ต่ำที่สุดคือใต้บาดาลลงไป
ถ้าคนรู้จักนรก
ศีลธรรมของสังคมจะดีขึ้นอย่างมิต้องสงสัย
สมัยโบราณท่านเคยใช้ได้ผลมาแล้ว
เรื่องของนรกเป็นจินตนาการอันประหลาดมหัศจรรย์ของคนโบราณ
ท่านถือว่าคนที่ทำบาปในชาตินี้
เมื่อตายไปจะต้องตกนรก
จะขอพูดถึงนรกตามทัศนะของคนไทยโบราณอย่างย่อๆ
มหานรก หรือ นรกใหญ่ ๘ ขุม
มีชื่อดังนี้
๑.
สัญชีพนรก
๒. กาลสูตตนรก
๓. มหาตาปนรก
๔. สังฆาฎนรก
๕. โรรุพนรก
๖. มหาโรรุพนรก
๗. ตาปนรก
๘. มหาอวีจีนรก
หรือที่เรียกง่ายๆว่า
อเวจี
ส่วนมากนรกขุมเล็กขุมน้อยยังมีอีกมากนัก
ที่นำมากล่าวเพียง ๘ ขุม ก็เห็นจะจำชื่อไม่ไหวอยู่แล้ว
นรกมีลักษณะเป็น ๔ มุม
และมี ๔ ประตู
พื้นเป็นเหล็กแดง
มีฝาปิดเป็นเหล็กแดง
แต่ละขุมกว้าง ยาว
เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ด้านละ ๑,๐๐๐ โยชน์
หนาด้านละ ๘,๐๐๐ วา
แต่ละขุม
สัตว์นรกเบียดเสียดกันอยู่อย่างหนาแน่น
ไฟก็ลุกอยู่ไม่รู้ดับตลอดเวลา
น่าขนพองสยองเกล้ายิ่งนัก
ผู้ที่ประกอบแต่อกุศลกรรม
มีจิตใจหยาบช้าสามานย์
เมื่อถึงแก่ความตาย
ผลกรรมแห่งความชั่วที่แต่ละคนได้ก่อไว้ในมนุษยโลก
จะบันดาลให้ต้องไปเกิดใหม่ในนรกภูมิ
อันมีจิตคุปต์
อำมาตย์ของพยายมเป็นผู้นำดวงวิญญาณไปรับโทษตามลักษระบาปของแต่ละคน
ทางไปสู่เมืองนรกนั้น
เป็นทางกันดาร
ปราศจากพืชพันธุ์และทางน้ำใดๆ
มีแต่ความแห้งแล้งร้อนระอุไปทั่ว
ผู้ที่เดินทางลงสู่นรกก็ต้องเดินไปตามทางนี้จนจะได้พบกับยมบาล
แล้วยมบาลจะเป็นผู้กำหนดโทษเป็นรายๆไป
ที่น่าทุเรศและทรมานทั้งสิ้น
มีลักษณะต่างๆ
ออกไปตามโทษของบาปแต่ละตนไป
กล่าวคือ
ผู้ที่จิตใจหยาบช้า
ประพฤติแต่มิจฉาชีพ
ชอบล่อลวงเพื่อนมนุษย์
ลักทรัพย์ของผู้อื่น
เมื่อตายไปจะเกิดเป็นเปรตรุปร่างน่าเกลียด
มีไฟลุกลามรอบกาย
ปากเล็กเท่ารุเข็ม
พร่ำร้องขอส่วนบุญที่ญาติมิตรจะแผ่กุศลไปให้
เมื่อได้รับไม่พอก็จะใช้มือและเท้าที่ใหญ่ขนาดจอบฉีกร่างเน่าพองของตนกินเป็นอาหาร
บ้างก็วิ่งฉีกเนื้อกันเอง
บ้างก็ถูกสุนัขไล่ฉีกเนื้อก็มี
ตนไหนพอจะหนีได้
จะถูกนายนิรยมาลเอาตะบองทุบตีไล่ให้กลับมารับทุกข์นั้นต่อไป
นักการพนันเมื่อตายแล้วจะกลายเป็นเปรตที่ถูกบังคับให้เป็นตัวละครต่างๆ
ต้องทรมานด้วยการร่ายรำหรือเล่นละครไปตามบทบาทที่พระยายมกำหนดไว้ให้อยุ่ตลอดวันตลอดคืนโดยไม่หยุด
ผู้ที่ประพฤติผิดในเรื่องลูกเมียของผู้อื่น
ชอบลักลอบเป็นชู้กัน
หรือประพฤติผิดวินัย
หันไปลุ่มหลงเรื่องชู้สาว
เมื่อตายแล้วจะต้องไปเกิดเป็นเปรต
ถูกบังคับให้ปีนต้นงิ้วที่มีหนามแหลมรอบยาวถึง
๑๖ องคุลี
ร่างกายที่เปลือยเปล่าจะถูกหนามทิ่มแทง
จนเลือดโทรมกาย
จะหนีลงมาก็ไม่ได้เพราะมีสุนัขคอยไล่กัดอยู่ที่ใต้ต้นงิ้ว
ถ้าหยุดปีน
นายนิรยบาลก็จะใช้สามง่ามแทงก้นให้ปีนต่อไป
จนสุดยอด
ที่ปลายยอดจะมีแแร้งและกาคอยจิกร่างและอวัยวะภายในจนร่างกายแหลกตกลงยังพื้นดิน
ร่างก็จะกลับกลายเป็นเปรตถูกสุนัขไล่
ให้ปีนขึ้นต้นงิ้วใหม่วนเวียนอยู่เช่นนั้น
จนกว่าจะหมดเวร
อ่านต่อ >>>
|