ภูมิศาสตร์นรก
ผู้ที่เป็นโจร ปล้น ฆ่า
เผาบ้าน
ทำลายวัดวาอาราม
เมื่อตายแล้วจะเกิดเป็นเปรต
ถูกมัดโยนลงกะทะเหล็กที่ลุกโชนด้วยไฟจนร่างละลาย
บ้างก็จะถูกนายนิรยบาลใช้เหล็กไฟจี้ร่างกายอยู่ตลอดเวลา
ผู้มีวาจาหยาบช้า
กล่าวคำล่วงเกินบิดามารดา
พูดปดต่อผู้มีคุณเมื่อตายไปแล้วจะเกิดเป็นเปรต
ถูกมัดร่างไว้
นายนิรยบาละจะคอยลากคีมลากลิ้นออกมา
แล้วใช้น้ำทองแดงกรอกเข้าไปในคอ
พวกนี้จะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ไม่น้อยกว่า
๕๐๐ ปีในนรก
ซึ่งเท่ากับเวลา ๑
กัปป์ของโลกมนุษย์
ผู้ที่ชอบลักเล็กขโมยน้อยของของพระ
ทำร้ายพระ
เมื่อตายจะถูกมัดมือและเท้าไว้
นายนิรยบาลจะใช้เลื่อยค่อยๆ
เลื่อยร่างให้ขาดออกตั้งแต่หัวถึงเท้า
เมื่อร่างขาดก็จะกลับติดกันใหม่อีก
ต้องทรมานอยู่ถึงโกฎีปี
ผู้ฆ่าหมู่
เมื่อตายไปจะถูกแขวนคอด้วยขอ
แล้วถูกเลื่อยร่างออกเป็นท่อนๆ
ผู้ที่ชอบฆ่าไก่
ก็จะถูกสับร่างกายออกเป็นท่อนๆ
โยนลงกะทะ
ผู้ที่ชอบฆ่าวัว ควาย
จะถูกสับด้วยขวาน
เหมือนกับการฆ่าวัวควาย
ผู้มีอาชีพเป็นพราน
จะถูกนายนิรยบาลคอยใช้หอกไล่ทิ่มแทงให้วิ่งวกวน
ล้มลุกคลุกคลานไปในกองไฟหรือบ้างก็จะตกลงในน้ำกรด
ผู้ที่ฆ่าเต่า ปลา
จะถูกเสียบประจานเลือดไหลโทรมกายบ้างก็ถูกเกี่ยวปากด้วยตะขอแขวนไว้ให้ร่างกายแกว่งไปมา
มีนายนิรยบาลคอยใช้ฉมวก
แทงซ้ายที ขวาที จนตาย
แล้วก็จะกลับเกิดใหม่
บ้างก็จะถูกนายนิรยบาลจับเอามือและเท้า
วางลงบนเหล็กร้อน
แล้วใช้ค้อนทุบหัว
ดยนลงกะทะ
ผู้ที่ลุ่มหลงในสุรา
จะถูกจับใส่กรง
โยนลงแข่ในน้ำกรด
การกำหนดโทษของแต่ละบุคคลนั้น
ขึ้นอยู่กับบาปที่ทำไว้
ถ้าทำบาปไว้มากก็จะต้องทุกข์อยู่ในนรกภูมิไม่มีวันสิ้นสุด
ในที่นี้จะขอยกเอานรกที่มีชื่อมาแสดงปรากฎสัก
๒ ขุม คือ โลกันตนรก กับ มหาอเวจีนรก
โลกันตนรก
นรกขุมนี้เราได้ยินกันอยู่เสมอ
เป็นโลกมืดสนิทไม่ห็นแสงเดือนแสงตะวันเลย
สัตว์นรกขุมนี้จะมีโอกาสเห็นแสงสว่างเพียงแวบเดียว
คือ
เมื่อพระโพธิสัตว์เสด็จมาปฏิสนธิในพระครรภ์
๑ เมื่อท่านสมภพ ๑
เมื่อท่านตรัสรู้ ๑
เมื่อท่านแสดงธรรมจักร ๑
แลเมื่อท่านเสด็จเข้าสู่ปรินิพพาน
๑
คนที่จะมาตกนรกขุมนี้นั้น
ไตรภูมิพระร่วงอธิบายว่า
เคยทำบาปต่อไปนี้คือ
๑. ทำร้ายพ่อแม่ สมณพราหมณ์
๒.
ยุยงให้สงฆ์แตกกัน
ลักษณะของคนตกนรกขุมนี้ใหญ่โตมาก
คือสูง ๖ พันวา
มีเล็บตีนเล็บมือเหมือนค้างคาว
เอาตีนเกาะกำแพง
ห้อยหัวลงเกาะกันอยู่เป็นระนาวไปหมด
เมื่อถูกต้องกันเขาก็จับกันกินเป็นอาหาร
เบื้องล่างเป็นน้ำกรด
เมื่อตกลงก็แหลกลาญตายลงทันที
แต่ตราบใดที่ยังไม่หมดเวรกรรม
ก็เกิดอีกในโลกันตรนรกนี้เอง
กลับไปเกาะกำแพงห้อยหัวลงอีกตามเดิม
หนังสือไตรภูมิพระร่วงว่า
"
แต่เขาตายเป็นอยู่ดังนั้นหลายคาบหลายครากันหนาแล
แต่เขาทนทุกข์เวทนาอยู่ที่นั้นช้านานกันชั่วพุทธันดรกัลปหสึ่งแลฯ
"
มหาอเวจีนรก
นรกขุมนี้ก็ได้ยินกันอยู่เนืองๆ
บางที่เรียกมหาอเวจี
สัตว์ที่มาตกนรกขุมนี้ต้องทนทุกข์อยู่
๑ กัลป์ จึงจะพ้น
ผู้ที่จะมาตกนรกขุมนี้ คือ
ผู้กระทำอนันตริยกรรม ๕
ประการ
๑. มาตุฆาต
ฆ่ามารดา
๒.
ปิตุฆาต
ฆ่าบิดา
๓.
อรหันตฆาต
ฆ่าพระอรหันต์
๔.
โลหิตุปบาท
ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงยังพระโลหิตให้ห้อขึ้นไป
๕.
สังฆเภท
ยังสงฆ์ให้แตกจากกัน
ทีนี้เราพูดถึงนรกของพราหมณ์กันบ้าง
ขุมหนึ่งที่เรารู้จักกันดีคือที่ชื่อ
ปุตตะพราหมณ์
ถือว่าใครไม่มีลฃุกชายไว้ทำพิธีศราทธ์
ผู้นั้นย่อมตกนรกในขุมปุตตะนี้
ด้วยเหตุนี้ กามนิตจึงต้องแต่งงานสองหน
เพื่อให้ได้บุตรชายไว้ทำพิธีศราทธ์คือพิธีทำบุญส่งไปให้บิดาผู้วายชนม์
นรกชองพราหมณ์นั้นมีตำราต่างยุคต่างสมัยกันอยู่
ตำราธรรมสูตรและปุราณะกล่าวว่ามี
๒๑ ขุม
แต่ตำราวิษณุปุราณะว่ามี
๒๘ ขุม มีชื่อบางชื่อดังนี้
:-
ตัมมิศระ
อัณฑาตัมมิศระ
กุมภิปักษ์
เภระวะ
อสิปตราวนะ
วัชรกันตกะ
ศุกรมุข
วัชรกันตกะ
กาลสูตร
|