ป่าชายเลนของประเทศไทย สำรวจในปี พ.ศ. 2536
มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1,054,266 ไร่
ซึ่งขึ้นอยู่ทางภาคใต้ชายฝั่งทะเลตะวันตก หรือด้านทะเลอันดามัน
ประมาณ 860,394 ไร่ และภาคใต้ชายฝั่งทะเลตะวันออกด้านอ่าวไทย
ประมาณ 108,031 ไร่ สำหรับภาคกลางมีป่าชายเลนประมาณ 18,270 ไร่
ส่วนด้านตะวันออกเคยมีป่าชายเลนอย่างอุดมสมบูรณ์ในอดีต
โดยเฉพาะจังหวัดจันทบุรีเพียงแห่งเดียว
ซึ่งเคยมีป่าชายเลนอยู่เกือบแสนไร่
แต่ปัจจุบันทั้งภาคตะวันออกมีป่าชายเลนเหลือเพียง 67,571 ไร่
เท่านั้น
ป่าชายเลนของจังหวัดเพชรบุรีมีพื้นที่ทั้งสิ้นค่อนข้างประมาณ 2,725
ไร่ เท่านั้น
และมีพื้นที่ที่มีศักยภาพที่จะปลูกป่าชายเลนขึ้นมาใหม่ได้คือบริเวณดินเลนงอกชายฝั่งทะเลติดกับป่าชายเลนอีกประมาณ
2,000 ไร่
ป่าชายเลนและบริเวณดินเลนงอกชายฝั่งทะเลที่พบในจังหวัดเพชรบุรีประกอบด้วย
-
พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติปากทะเล ตำบลปากทะเล อำเภอบ้านแหลม
ป่าชายเลนปกคลุมพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่
และมีพื้นที่เลนงอกใหม่ชายทะเลประมาณ 700 ไร่
-
พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตำบลบ้านแหลม อำเภอบ้านแหลม
ป่าชายเลนปกคลุมพื้นที่ประมาณ 625 ไร่
และมีพื้นที่เลนงอกชายทะเลประมาณ 1,000 ไร่
-
พื้นที่ป่าชายเลนแหลมผักเบี้ย ตำบลปากทะเล อำเภอบ้านแหลม
มีพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ ซึ่งเป็นป่าธรรมชาติประมาณ 500 ไร่
และป่าพื้นที่ป่าชายเลนที่ที่ปลูกประมาณ 500 ไร่
และมีพื้นที่งอกชายทะเลประมาณ 300 ไร่
|
|
ป่าชายเลนของจังหวัดเพชรบุรีจะพบมากที่สุดอยู่ในท้องที่อำเภอบ้านแหลม
นอกจากนั้นยังพบป่าชายเลนอยู่บ้างแต่พื้นที่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
โดยเฉพาะตามท้องที่อำเภอติดชายฝั่งทะเล เช่น อำเภอเมือง
อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ เป็นต้น
พันธุ์ไม้ป่าชายเลนในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี
ซึ่งได้จากการศึกษาสำรวจพบว่ามีหลายชนิดที่สำคัญและพบปริมาณมาก
ได้แก่ แสมทะเล (Avicennia marina
)
แสมขาว
(A. alba
)
แสมดำ (A.
offialis )
โกงกางใบเล็ก ( Rhizophora
apiculata )
โกงกางใบใหญ่ |
|
(R. mucronata
)
พังกาหัวสุมดอกแดง (Bruguiera gymnorhiza
) ถั่วขาว (B.
cylindirica )
โปรงแดง (Ceriops tagal
) ลำพู (Sonneratia
caseolaris )
ลำแพน (Sonneratia ovata
) ตาตุ่ม (Excoeceria
agallocha )
โพธิ์ทะเล (Thespesia populnea
)
นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ไม้พื้นล่างอีกหลายชนิด เช่น หวายลิง
(Flagellaria indica
) เถาถอบแถบ (Derria
trifoliata )
ปรงทะเล (Acrostichum aureum
)
เป้ง (Phoenix paludosa )
และผักเบี้ยทะเล (Sesuvium
portulacastrum
) เป็นต้น
การขึ้นอยู่ของพรรณไม้ป่าชายเลนเหล่านี้
จะขึ้นอยู่เป็นแนวเป็นเขตของพันธุ์ไม่แต่ละชนิด (species
zonation)
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยและที่สำคัญคือความลาดของพื้นที่
การท่วมถึง ระยะเวลา
และจำนวนครั้งของน้ำทะเลที่ท่วมในแต่ละพื้นที่
ลักษณะของดิน คุณภาพน้ำทะเล
โดยเฉพาะความเค็มของน้ำที่แตกต่างกัน
จากการศึกษาลักษณะป่าชายเลนจากฝั่งทะเลลึกเข้าไปในด้านในของป่าชายเลนของจังหวัดเพชรบุรี
พบว่าบริเวณพื้นที่ติดทะเลหรือชายฝั่งทะเลจะพบพวกไม้แสม
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแสมทะเล
ด้านหลังไม้แสมจะเป็นพวกไม้โกงกาง
และหลังแนวนี้จะเป็นพังกาหัวสุมและโปรง
ส่วนด้านหลังสุดจะเป็นพวกตาตุ่มและโพธิ์ทะเล
อย่างไรก็ตามบริเวณติดชายฝั่งทะเล
ถ้าดินมีสภาพเป็นดินทรายและเลนปนบ้างเล็กน้อย
จะพบพวกไม้ลำพู ลำแพน ขึ้นอยู่บ้าง ปรงทะเลจะพบอยู่ทั่วไป
โดยจะขึ้นหนาแน่นในพื้นที่ที่ป่าชายเลนถูกตัดฟันทำลาย
อย่างไรก็ตามป่าชายเลนที่พบอยู่ในจังหวัดเพชรบุรี
ค่อนข้างสมบูรณ์มีความหนาแน่นของไม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโตกว่า
10 เซนติเมตร ถึงประมาร 350 ต่อไร่
ซึ่งคิดเป็นปริมาตรไม้ประมาณ 12 ลูกบาศก์เมตรต่อไร่
ซึ่งไม้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกไม้แสม โดยเฉพาะแสมทะเล
การสืบพันธุ์ตามธรรมชาติค่อนข้างดี
ซึ่งมีความหนาแน่นเฉลี่ยของลูกไม้ไม้และกล้าไม้ประมาณ
2,300 ต้นต่อไร
พื้นที่ป่าชายเลนของจังหวัดเพชรบุรี
ก็เช่นเดียวกับป่าชายเลนของจังหวัดอื่นของประเทศคือ
ปัญหาการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อประโยชน์หรือกิจกรรมอื่นๆ
ดังจะเห็นได้จากการสำรวจศึกษาการลดลงของพื้นที่ป่าชายเลนของจังหวัดเพชรบุรี
ในระยะเวลาต่างกัน คือ
-
ปี พ.ศ.
2518 มีพื้นที่ป่าชายเลนประมาณ 55,000
ไร่
-
ปี พ.ศ.
2522 มีพื้นที่ป่าชายเลนประมาณ 48,700
ไร่
-
ปี พ.ศ.
2529 มีพื้นที่ป่าชายเลนประมาณ
3,606 ไร่
-
ปี พ.ศ.
2532 มีพื้นที่ป่าชายเลนประมาณ
3,056 ไร่
-
ปี พ.ศ.
2534 มีพื้นที่ป่าชายเลนประมาณ
2,100 ไร่
-
ปี พ.ศ.
2536 มีพื้นที่ป่าชายเลนประมาณ
2,625 ไร่
พื้นที่ป่าชายเลนที่เพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2536
เป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่ปลูกขึ้นและเป็นป่าชายเลนที่สามารถงอกและเจริญเติบโตขึ้นในพื้นที่ชายเลนงอกใหม่อีกด้วย
ปัญหาการบุกรุกทำลายป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรีส่วนใหญ่จะนำไปใช้ทำนากุ้ง
และนอกจากนั้นจะนำไปใช้เป็นที่อยู่อาศัย
แหล่งชุมชน โรงแรม แหล่งท่องเที่ยว สร้างถนน
สถานที่ราชการ และนาเกลือ เป็นต้น |
|
พื้นที่ป่าชายเลนที่ถูกบุกรุกนำไปใช้ในการทำนากุ้ง
เป็นพืนที่อย่างกว้างขวางในจังหวัดเพชรบุรี |
|
พื้นที่ป่าชายเลนถูกทำลายเพื่อใช้ประโยชน์หรือกิจกรรมอย่างอื่นๆ
ในจังหวัดเพชรบุรี |
|
|
|