สัตบรรณ
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Alstonia scholaris (L.) R.Br.
วงศ์ :
APOCYNACEAE
ชื่อสามัญ
: Devil tree , White cheesewood, Blackboard tree,
Devil's bark
ชื่ออื่น :
กะโน้ะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) จะบัน
(เขมร-ปราจีนบุรี) ชบา ตีนเป็ด พญาสัตบรรณ (ภาคกลาง)
ตีนเป็ดดำ (นราธิวาส) บะซา ปูลา ปูแล
(มลายู-ยะลา) ยางขาว (ลำปาง) หัสบรรณ (กาญจนบุรี)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ อาจสูงได้ถึง 30
เมตร ลำต้นเป็นพูพอน เปลือกสีเทาดำ
มียางสีขาวคล้ายน้ำนมทุกส่วน กิ่งจะแตกรอบๆ
ข้อของลำต้นเป็นชั้นๆ ใบ เป็นใบเดี่ยวออกรอบข้อ
5-8 ใบ รูปไข่ ปลายใบมนหรือเว้าเล็กน้อย กว้าง 4-6 ซม.
ยาว 7-15 ซม. เส้นใบถี่ขนานกันมองเห็นชัดเจน ดอก
เป็นช่อใหญ่ที่ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 5-10 ซม.
แตกออกรอบข้อ 5-8 ช่อ และซ้อนกันเหมือนฉัตร 2-3
ชั้น กลีบรองดอกและกลีบดอกมีขนาดเล็กอย่างละ 5 กลีบ
กลีบรองดอกจะมีขนอ่อน กลีบดอกสีขาวอมเหลือง
โคนดอกเป็นหลอดกลิ่นหอมหวาน ออกดอกราวเดือน
พฤศจิกายน-ธันวาคม ผล เป็นฝักกลมยาวออกเป็นคู่ขนานกัน
ฝักยาว 25-30 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.25-0.35 ซม.
ติดฝักราวเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์
เมื่อฝักแก่จะแตกออกมีเมล็ดจำนวนมาก เมล็ด มีขน
สำหรับพยุงตัวทำให้ลอยตามลมไปได้ไกล
ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
ประโยชน์ :
ด้านสมุนไพร เปลือก
ใช้เป็นยาขมช่วยเจริญอาหาร รักษาโรคบิด ท้องร่วง
โรคลำไส้ รักษาอาการไข้ และหลอดลมอักเสบ
ในเปลือกประกอบด้วย สารอัลคาลอยด์หลายชนิด เช่น
ditamine echitamine และ
echitamidine จากการทดลองในสัตว์
พบว่าสารสกัดจากเปลือกของลำต้นมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดและต้านเชื้อแบคทีเรียบางชนิด
ใบ ใช้พอกดับพิษต่างๆ ราก แก้มะเร็ง
ขับลมในลำไส้ ยาง จากต้นใช้อุดฟันแก้ปวดฟัน แผลอักเสบ
ด้านอื่น ๆ ใช้เป็นไม้ใช้สอยและไม้ประดับให้ร่มเงา
ใช้ทำดินสอและเฟอร์นิเจอร์
|