ตะบูนขาว
ชื่อวิทยาศาสตร์
: Xylocarpus
granatum Koenig
วงศ์ :
Meliaceae
ชื่อสามัญ
:
ชื่ออื่น :
กระบูนขาว, ตะบูน, ตะบูนขาว (ภาคกลาง, ภาคใต้)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ไม้ต้นขนาดเล็กถึงกลาง สูง
10-15 เมตร ผลัดใบแต่ผลิใบใหม่เร็ว เรือนยอดแผ่กว้าง
รูปทรงไม่แน่นอน ลำต้นมักคดงอ โคนต้นเป็นพูพอน
เปลือกสีเทา เทาอมขาว น้ำตาลแดง
แตกล่อนเป็นแผ่นบางคล้ายผิวตะแบก ใบ
เป็นใบประกอบแบบขนนก ปลายคู่ เรียงสลับ ใบ
เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงสลับ
ใบย่อยเรียงตรงข้าม มี 2 คู่ รูปไข่กับ กว้าง
4.5-5 ซม. ยาว 6-12 ซม. ปลายใบมน โคนใบสอบเรียว
แผ่นใบหนาและเปราะ ขอบใบโค้งลงและเป็นคลื่นเล็กน้อย
เส้นแขนงใบข้างละ 6-9 เส้น ก้านใบสีน้ำตาลสั้น 3-5 มม.
ดอก สีขาวอมเหลือง มีกลิ่นหอมยามบ่ายถึงค่ำ
ออกรวมเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงตามซอกใบ
กลีบเลี้ยงรูปสามสามเหลี่ยมสั้น 4 กลีบ กลีบดอก 4 กลีบ
ดอกบานเต็มที่กว้าง 1-1.2 ซม. ผล แห้งแตก ทรงกลมแข็ง
สีน้ำตาล ขนาด 15-20 ซม. ก้านผลยาว 3-5 ซม. หนัก 1-2
กก. ซึ่งมีขนาดผลใหญ่ที่สุดในกลุ่มของตะบัน
ตะบูนขาวและดำ มีร่องตามยาวตามผล 4 แนว มีเมล็ด
รูปร่างเหลี่ยมโค้งปลายแบบประสานเข้าเป็นรูปทรงกลม
มีจำนวน 4-17 เมล็ด
เป็นไม้ป่าชายเลนและบริเวณที่น้ำท่วมถึง
และป่าพรุทั่วไป ออกดอกเดือน มี.ค.-เม.ย. ติดผลเดือน
มิ.ย.-ก.พ.
ประโยชน์ :
เปลือกให้น้ำฝาด ใช้ย้อมผ้า
เปลือกและผลแก้อหิวาต์ เปลือกและเมล็ดแก้ท้องร่วง
แก้บิด และต้มเพื่อชะล้างแผล
|