ภูมิศาสตร์สวรรค์


 ไม้สวรรค์

     ส่วนต้นกัลปพฤกษ์นั้น เป็นต้นไม้สวรรค์อีกชนิดหนึ่ง เป็นต้นไม้วิเศษหรือต้นไม้สารพัดนึก ตำนานว่าใครอยากได้อะไร เมื่อมาอยู่ใต้ต้นกัลปพฤกษ์ย่อมนึกเอาได้ทั้งนั้น
       ตามคติทางพุทธศาสนาเชื่อกันว่า  เมื่อถึงสมัยพระศรีอาริย์ ซึ่งจะมาถึงในอนาคต  จะมีต้นไม้กัลปพฤกษ์ประจำสี่มุมเมือง  ใครอยากได้สิ่งใดก็นึกกเอาได้ตามใจปรารถนา
       ในไตรภูมิพระร่วงกล่าวไว้ว่า  " แลในแผ่นดินอุตรกุรุทวีปนั้นมีต้นไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง  โดยสูงได้ ๑๐๐ โยชน์ โดยกว้างได้ ๑๐๐ โยชน์ ได้รอบบริเวณมณฑลได้ ๓๐๐ โยชน์ แลต้นกัลปพฤกษ์นั้นแล ผู้ใดจะปรารถนาหาทุนทรัพย์และสรรพเหตุใดๆ ก็ดี ย่อมได้สำเร็จในต้นไม้นั้นทุกประการแล ถ้าแลผู้ใดปรารถนาจะได้เงินทองของแก้ว  แลเครื่องประดับทั้งหลายเป็นต้นว่า  เสื้อสร้อยถนิมพิมพาภรณ์ก็ดี และผ้าผ่อนแพรพรรณสิ่งใดดๆ ก็ดี แลข้าวน้ำโภชนาหารของสิ่งใดก็ดี ก็ย่อมบังเกิดขึ้นแต่ค่าคบต้นกัลปพฤกษ์นั้น ก็สำเร็จความปรารถนาแก่ชนทั้งหลายนั้นแล "
       ส่วนดอกไม้สวรรค์อีก ๒ ชื่อ คือ สันตาน กับ หริจันทน์ นั้นยังค้นไม่พบว่า มีเรื่องราวอย่างไรบ้าง ทราบแต่เลาๆว่า  หริจันทร์ คือ จันทร์แดง นั่นเอง
       อนึ่ง  ยังมีดอกไม้สวรรค์อีกชนิดหนึ่ง  ที่น่านำมากล่าวด้วยคือ  ดอกนารีผล
    
ท้าวกุเวรหรือเวสสุวัณนั้นมีสวนอยู่แห่งหนึ่ง ชื่อว่า  สวนเจตรถ ในสวนนี้มีต้นไม้วิเศษชื่อว่า ต้นนารีผล เพราะมีผลประหลาดคือ มีผลเป็นนารีงาม มีขั้วอยู่ติดกับศีรษะ บางท่านเรียกว่า มัคคีผล
    
ต้นนารีผลนั้น เป็นรุกขชาติก็จริง  แต่ผลของมันเป็นนารีถึงกระนั้นก็เป็นนารีไร้วิญญาณ มีอายุได้เพียง ๗ วัน ก็สูญไป
       แม้กระนั้นก็ตาม บรรดาคนธรรพ์  วิทยาธร นิยมยินดีในความงามของนารีผลเหล่านี้  คนธรรพ์เอาพิณมาดีดเกี้ยวพาราสีอยู่เป็นประจำ  เหล่าวิทยาธรก็มักมาชมเชยนางและแย่งยื้อกันจนเกิดเรื่องวิวาทบาดหมากันอยู่เป็นเนืองนิจ
       สวรรค์ที่บรมสุข ใครๆก็อยากไป ประกอบกุศลกรรม เข้าเถิดเราจะได้สมบัติสวรรค์เป็นแน่แท้.