วิธีการขยายพันธุ์

        
       การขยายพันธุ์จำปีสิรินธร สามารถกระทำได้หลายวิธี  นับตั้งแต่ การเพาะเมล็ด การปักชำ การทาบกิ่ง การเสียบยอด การติดตา และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งมีรายละเอียดของแต่ละวิธีแตกต่างกันออกไป ดังเช่น
         การเพาะเมล็ด    จากงานวิจัยของฝ่ายเทคโนโลยีการเกษตร วว. ได้มีการทดลองในเรื่องการงอกของเมล็ดจำปีสิรินธร พบว่า เมล็ดที่เก็บจากโคนต้นจะมีอัตราการงอกต่ำ และมีต้นกล้าที่ไม่ค่อยจะแข็งแรง แต่เมล็ดที่ได้จากผลแก่ที่เก็บจากบนต้น จะมีอัตราการงอกสูง และมีต้นกล้าที่แข็งแรงกว่า ดังนั้น คำแนะนำในการเพาะเมล็ดจำปีสิรินธร จึงเริ่มตั้งแต่ การเลือกเก็บผลแก่ที่มีสีเปลี่ยนจากสีเขียวอ่อนเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีผลย่อยที่อยู่โคนช่อผลแตกเป็นช่อเล็กๆ เพียง 1-2 ผล และยังไม่ร่วงหล่นจากต้น ให้นำผลแก่นี้มาผึ่งไว้ที่ร่ม 2-3 วัน รอยแตกจะกว้างขึ้น แล้วมีเมล็ดหลุดออกมา นำเมล็ดมาแช่น้ำเป็นเวลา 24 ชั่วโมง โดยมีการเปลี่ยนน้ำทุก 12 ชั่วโมง แล้วบี้เอาเปลือกหุ้มเมล็ดสีแดงออกทิ้งไป จะเห็นแต่เมล็ดในสีดำและแข็ง นำเมล็ดมาเพาะรวมกันในกระบะทราย แล้วราดด้วยยากันรา และคลุมป้องกันความชื้นด้วยถงพลาสติก (เพื่อไม่ต้องรดน้ำเลยตลอดช่วงเวลาการเพาะเมล็ด) ในเวลา 1 เดือน ก็เริ่มงอก เมื่อใบเลี้ยงคู่แรกคลี่กางดี จึงแยกนำลงปลูกในถงเพาะชำ และตั้งไว้ในเรือนเพาะชำ จนมีอายุ 1 ปี จะมีความสูง 30-40 เซนติเมตร และมีใบจำนวน 8-10 ใบ จึงนำออกมาตั้งกลางแจ้งเพื่อให้ปรับตัว ก่อนนำไปปลูกลงแปลงกลางแจ้ง ข้อดีของวิธีการขยายพันธุ์แบบนี้คือ ได้ต้นกล้าที่มีระบบรากแข็งแรง เจริญเติบโต ต้นไม่ค่อยล้ม เมื่อเป็นต้นใหญ่แล้วจะมีทรงพุ่มแผ่กว้างสวยงาม  แต่จะออกดอกได้ช้า ในการปลูกต้นจำปีสิรินธรโดยวิธีการเพาะเมล็ดต่อไปเรื่อยๆ ก็มีโอกาสที่จะได้ต้นจำปีสิรินธรที่มีความแปรผัน แตกต่างไปจากต้นแม่พันธุ์เดิม หรือได้ต้นที่มีความเหมือนกับต้นแม่พันธุ์เดิมได้  เนื่องจากเป็นการขยายพันธุ์แบบใช้เพศที่มีการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติ

       การปักชำ    จัดเป็นวิธีการขยายพันธุ์จำปีสิรินธรที่ง่ายและรวดเร็วอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งจะได้ต้นกล้าที่มีลักษณะเหมือนต้นแม่พันธุ์อีกด้วย  โดยการตัดปลายกิ่งให้มีความยาว 20-30 เซนติเมตร ริดใบที่โคนกิ่งออก แช่ในน้ำยากระตุ้นราก แล้วนำไปปักชำในแปลงพ่นหมอกกลางแจ้ง เป็นเวลา 3-4 เดือน ก็จะออกราก แยกนำไปปลูกในถุงเพาะชำ จนตั้งตัวและเจริญเติบโตได้ดี จึงนำออกมาปลูกกลางแจ้งได้ สำหรับเทคนิคในการปักชำนี้ก็คือ ถ้ามีการปักชำจากกิ่งที่เคยออกดอกมาแล้ว เมื่อนำไปปลูกก็จะออกดอกได้ง่าย ในทางตรงกันข้าม ถ้าปักชำจากกิ่งที่ได้จากต้นกล้าขนาดเล็ก หรือกิ่งที่ยังไม่เคยออกดอกมาก่อน เมื่อนำไปปลูกแล้วจะออกดอกได้ช้า และเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พบว่ากิ่งปักชำอ่อนๆ จะออกรากได้ง่ายกว่างกิ่งปักชำแก่ๆ

        การทาบกิ่ง     ควรใช้ต้นตอที่หาเมล็ดได้ง่าย ต้นตอมีความทนทาน เจริญเติบโตเร็ว เช่น จำปา จำปีป่า จำปาป่า จำปีหลวง ต้นตอมีอายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี มีความสูงประมาณ 50-80 เซนเติเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร วิธีการทาบก็ใช้การปาดข้างทั้งต้นตอและกิ่งพันธุ์ให้ยาว 5-8 เซนติเมตร นำมาประกบกันและพันด้วยเทปพลาสติก ควรผูกโยงต้นตอกับคานหรือกิ่งด้านบน เพื่อป้องกันกิ่งฉีก ในเวลา 1 เดือน ก็สามารถตัดนำมาปลูกชำได้ สำหรับเทคนิคในการทบกิ่งจำปีสิรินธร ก็คืด การปาดกิ่งต้นตอนั้นจะต้องปาดให้เหลือส่วนของยอดไว้ด้วย ไม่ใช่ปาดให้ขาดเหมือนกับทาบมะม่วง เมื่อทาบแล้ว 20 วัน ก็ตัดส่วนยอดของต้นตอทิ้งได้ และก่อนจะตัดกิ่งทาบไปปลูกชำ ควรเตือนกิ่งทาบด้วยการควั่นรอบกิ่งของโคนกิ่งพันธุ์ 1 สัปดาห์แล้ว จึงตัดกิ่งทาบออก กิ่งทาบจะปรับตัวหันไปดูดน้ำจากต้นตอ เป็นการกระตุ้นให้รากของต้นตอทำงานได้ดีขึ้น ข้อดีของการขยายพันธุ์โดยการทาบกิ่ง ก็คือจะได้ต้นกล้าที่มีลักษณะตรงตามแม่พันธุ์ แต่จะออกดอกได้เร็วหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าไปทาบมาจากกิ่งที่เคยออกดอกมาแล้วหรือยัง หากทาบจากกิ่งที่เคยออกดอกมาแล้ว เมื่อนำไปปลูกแล้วก็จะออกดอกได้เร็ว แต่ถ้าทาบกิ่งมาจากต้นขนาดเล็ก หรืกิ่งที่ยังไม่เคยออกดอกมาก่อน เมื่อนำไปปลูกแล้วก็จะออกดอกได้ช้า

        การเสียบยอด   เป็นการขยายพันธุ์ที่จะได้กิ่งยอดตรงตามลักษณะของแม่พันธุ์ ใช้ได้กับต้นตอทั้งที่มีขนาดเล็กและมีขนาดใหญ่ สำหรับต้นตอที่มีขนาดเล็ก ควรใช้ต้นตอที่หาเมล็ดได้ง่าย ต้นตอมีความทนทาน เจริญเติบโตเร็ว เช่น จำปา จำปาป่า จำปีป่า จำปีหลวง ต้นตอควรมีอายุ มากกว่า 6 เดือน ซึ่งจะมีความสูงมากกว่า 50 เซนติเมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่า 1 เซนติเมตร วิธีการเสียบยอด โดยการปาดโคนต้นตอลงมา 5-6 เซนติเมตร ให้ลึกในระดับเปลือกแล้วเฉือนเอียงเป็นมุมประมาณ 45 องศา แล้วปาดกิ่งพันธุ์ให้มีแผลยาวเท่ากับต้นตอ โดยกิ่งพันธุ์นี้จะมีตาข้างอยู่เพียง 1 ตา นำกิ่งพันธุ์เข้าเสียบกับต้นตอ พันด้วยเทปพลาสติกให้มิด กันไม่ให้น้ำเข้าได้ ประมาณ 3 สัปดาห์ ตาของกิ่งพันธุ์จะเริ่มแตกออกมา จึงใช้มีดคมๆ เฉือนเทปพลาสติก ให้ยอดแทงออกมา พร้อมทั้งตัดยอดของต้นตอออก ตาของกิ่งพันธุ์ก็จะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อนำไปปลูกให้พักตัวในเรือนเพาะชำระยะหนึ่ง ก็สามารถนำออกปลูกได้ สำหรับการเสียบยอดกับต้นตอที่มีขนาดใหญ่ จะแตกตาและมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมในหมู่เกษตรกรเป็นอย่างมาก  เนื่องจากจะเพิ่มจำนวนยอดพันธุ์ได้เป็นจำนวนมากในเวลารวดเร็ว ยอดพันธุ์จะอวบอ้วนสมบูรณ์ นำไปขยายพันธุ์ต่อได้ดี เกษตรกรมักเรียกการเสียบยอดกับต้นตอที่มีขนาดใหญ่นี้ว่า การฝากยอด ซึ่งมีข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการขยายพันธุ์แบบนี้คือ สามารถนำยอดที่อยู่ไกลๆ มาเสียบได้ โดยการตัดยอดพันธุ์แล้วพรมน้ำ นำใส่ถุงพลาสติกเก็บไว้ได้ถึง 1 สัปดาห์

       การติดตา   ก็เป็นการขยายพันธุ์ที่จะได้กิ่งยอดที่มีลักษณะตรงตามพันธุ์อีกวิธีหนึ่ง ใช้ได้กับต้นตอทั้งที่มีขนาดเล็กและมีขนาดใหญ่ สำหรับต้นตอก็ใช้ประเภทและขนาดเหมือนกับวิธีการขยายพันธุ์แบบเสียบยอด สำหรับวิธีการติดตาให้เปิดเปลือกของต้นตอเป็นรูปตัว  U คว่ำ หรือ ตัว T แล้วแบะเปลือกออก เฉือนตาของกิ่งพันธุ์เป็นรุปโล่ห์พร้อมทั้งแกะเอาเนื้อไม้ที่ติดมาออก นำตาเสียบเข้ากับต้นตอ พันด้วยเทปพลาสติกใสให้มิด กันไม่ให้น้ำเข้าได้ ประมาณ 3 สัปดาห์ ตาของกิ่งพันธุ์จะเริ่มแตกออกมา จึงใช้มีดคมๆ เฉือนเทปพลาสติกให้ยอดแทงออกมา พร้อมทั้งตัดยอดของต้นตอออก ตาของกิ่งพันธุ์ก็จะโตอย่างรวดเร็ว เมื่อนำไปปลูกให้พักตัวในเรือนเพาะชำระยะหนึ่ง ก็สามารถนำออกปลูกได้ สำหรับการติดตากับต้นตอที่มีขนาดใหญ่ จะมีวิธีการเหมือนกับต้นตอขนาดเล็ก แต่จะแตกตาและมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ข้อดีของการขยายพันธุ์แบบติดตาคือจะได้จำนวนต้นกล้าเท่ากับจำนวนตาที่มีอยู่ จึงถือว่าเป็นวิธีการที่จะได้ต้นกล้าจำนวนมากในเวลารวดเร็วในอีกวิธีหนึ่ง

       การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช  เป็นวิธีการที่ได้ต้นกล้าจำนวนมากในเวลารวดเร็ว แต่ต้นกล้าจะมีขนาดเล็กและใช้เวลาในการปลูกเลี้ยงและบำรุงรักษาเป็นเวลานาน สำหรับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของจำปีสิรินธร โดยการนำยอดอ่อนขนาดเล็กมาเลี้ยงในวุ้น ซึ่งเป็นอาหารปลอดเชื้อ ในการขยายพันธุ์โดยวิธีการนี้พบว่า ต้นกล้ายังพัฒนาระบบรากได้ไม่ดีนัก