นักบุญโจน
ออฟ อาร์ค
องค์อุปถัมภ์ประเทศฝรั่งเศส โจนเกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม 1412 ในหมู่บ้านโดมเรมี ซึ่งอยู่ในเมืองลอร์เรนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส ครอบครัวของเธอศรัทธาและยากจน เมื่อโจนมีอายุ 12 ขวบเธอได้ยินเสียงจากสวรรค์ ซึ่งให้คำแนะนำเธอเสมอ เธอบอกว่าเป็นเสียงของอัครเทวดามีคาเอล และของนักบุญแคธเธอรีนแห่งอเล็กแซนเดียและนักบุญมาร์กาเรต มรณสักขีของพระศาสนจักรสมัยแรกเริ่ม ผู้ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของคริสตชนในสมัยกลาง เมื่อเสียงสวรรค์ได้บอกเธอให้สถาปนาเจ้าชายโดฟิน พระราชทายาทแห่งราชบัลลังก์เป็นกษัตริย์ โจนมึนงงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ในที่สุด เสียงได้บอกเธอไปหานายทหารชื่อ โรเบอร์ต เดอะ โบ ดริคอร์ท ผู้ซึ่งควบคุมเมืองแวนคูเลียส์ที่อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นคนที่จงรักภักดีต่อพระราชา ขอกำลังทหารจากเขาพาเธอไปเข้าพบเจ้าชายโดฟิน เดอะโบดริคอร์ทได้ปฏิเสธเธอในตอนแรก แต่ได้ช่วยเหลือเธอหลังจากที่เธอได้ทำนายอย่างถูกต้องแม่นยำว่า อังกฤษจะยึดเมืองออร์ลีนส์ได้ เมื่อโจนพร้อมด้วยทหารอารักขาออกเดินทางไปยังพระราชวังชินนอนที่เจ้าชายโดฟินประทับอยู่ เธอมีอายุเพียง 17 ปี เธอตัดผมสั้น และสวมเสื้อผ้าผู้ชาย เหมาะสำหรับงานที่เธอได้รับมอบหมายให้ทำตลอดชีวิตอันสั้นของเธอ ที่พระราชวัง คณะของเธอได้เข้าไปในห้องโถงโอ่อ่าสำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เต็มไปด้วยข้าราชบริพาร เจ้าชายโดฟินทรงอาภรณ์เรียบๆธรรมดา และกำลังคลุกคลีกับคนที่มาในงาน อย่างไรก็ตาม โจนหาเจ้าชายจนพบ และถวายความเคารพอย่างสมพระเกียรติ ทันทีเธอได้ทูลเจ้าชายชาร์ลส์ (โดฟิน) ว่า พระเป็นเจ้าได้ส่งเธอมาช่วยพระองค์ ผู้ซึ่งจะได้ขึ้นครองราชย์สวมมงกุฎเป็นพระราชาในเมืองไรมส์ เมื่อเจ้าชายชาร์ลส์ได้ขอหลักฐานข้อพิสูจน์ เธอได้เปิดเผยคำภาวนาที่พระองค์ได้ทรงวอนขอพระเป็นเจ้า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป องค์ชายก็มีความเชื่อมั่นในตัวเธอ งานชิ้นต่อไปของเธอคือการปลดแอกเมืองออร์ลีนส์ แต่งตัวด้วยชุดเกราะและดาบ เธอจะนำหน้ากองทหาร ไม่ใช่เพื่อทำลายชีวิต แต่เพื่อนำวิญญาณไปหาพระเจ้า โจนได้เดินทางไปยังเมืองบลอยส์ ที่ซึ่งเธอได้รวบรวมกองทหารฝรั่งเศส ทุกคืนมีการขับร้องเพลงสรรเสริญแม่พระ ชายที่ปรารถนารับใช้ประเทศชาติต้องไปแก้บาปรับศีลและฟังมิสซา โจนได้สั่งห้ามทหารพูดจาหยาบคายและไม่อนุญาตหญิงโสเภณีเข้ามาในค่ายทหาร โจนตั้งใจจะย่ำเข้าไปในเมืองออร์ลีนส์ แต่นายพลทหารฝรั่งเศสไม่มั่นใจในแผนการณ์ของเธอ เขาเชื่อว่า การต่อสู้โดยผ่านป้อมปราการของอังกฤษเข้าไปโดยตรง จะเป็นภัยพินาศอันใหญ่หลวง พวกเขาตัดสินใจบุกเข้าไปในเมืองโดยทางอ้อม ด้วยความขุ่นเคืองใจมาก โจนจึงทักท้วงว่า "ท่านคิดหลอกข้าพเจ้า แต่ท่านได้หลอกตัวท่านเอง เพราะข้าพเจ้าได้นำมาให้ท่านความช่วยเหลือเหนือธรรมชาติ ความช่วยเหลือจากองค์พระเจ้า ซึ่งอัศวินหรือบ้านเมืองต้องการ" เมื่อโจนนำทหารหนึ่งพันคนเข้าไปในเมือง ประชาชนได้โห่ร้องต้อนรับเธอด้วยความยินดี เธอได้ขอร้องชาวอังกฤษให้วางอาวุธโดยสัญญาว่าจะไว้ชีวิตทุกคน แต่เธอกลับได้รับการดูถูกเยาะเย้ย ด้วยความเชื่อมั่น โจนได้นำกองทหารไปสู่ชัยชนะ ตามที่เธอได้ทำนายไว้ เธอได้รับบาดเจ็บจากลูกศรที่หน้าอกของเธอ เธอได้ดึงลูกศรออกด้วยมือของเธอเอง และกลับเข้าไปในสนามรบ หลังจากการต่อสู้อย่างดุเดือดเป็นเวลาหลายชั่วโมงที่ป้อมบัญชาการของศัตรู ทหารฝรั่งเศสมีกำลังเหนือกว่าทหารอังกฤษ วันที่ 7 พฤษภาคม 1429 เป็นวันเริ่มชัยชนะของฝรั่งเศส เมื่อโจนได้พบเจ้าชายโดฟินที่เมืองทัวส์
เธอได้รบเร้าให้พระองค์เสด็จเข้าเมืองไรมส์เพื่อขึ้นครองราชย์ทันที
การสถาปนาเป็นไปอย่างล่าช้า
เนื่องจากพระองค์ทรงตั้งพระทัยให้กองทหารชิงกลับคืนมาเมืองต่างๆ
ที่ถูกอังกฤษยึดไปบนเส้นทางสู่เมืองไรมส์
ทุกสิ่งก็สำเร็จตามพระราชหฤทัย
ในสงครามแห่งปาเตทหารอังกฤษได้ถูกฆ่าตายเกือบสามพันคน
แต่ทหารฝรั่งเศสตายแค่สามคนเท่านั้น
เจ้าชายโดฟินได้เสด็จถึงเมืองไรมส์ที่ซึ่งในพิธีเก่าแก่สง่างามพระองค์ได้รับ
การสถาปนาเป็นกษัตริย์
พระพรและการสวมมงกุฎจากพระอัครสังฆราช
เ การถูกคุมขังและขึ้นศาลได้เปิดโอกาสให้โจนเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ทางจิตวิญญาณ ที่ศาสนศาลในเมืองรวน ผู้กล่าวหาชาวอังกฤษและเบอร์กันดี ต้องการตัดสินลงโทษเธอ ในข้อหาขัดต่อความเชื่อของพระศาสนา โดยเหตุผลทางการเมือง โจนได้สู้ความด้วยตัวเธอเอง จากข้อกล่าวหาฉกรรจ์หลายกระทง ด้วยความเที่ยงธรรม ความกล้าหาญ และปรีชาญาณ พระสังฆราชแห่งเมืองบิวเวส์เป็นผู้ตัดสินคดี และได้ลงโทษเผาโจนทั้งเป็นที่หลักประหาร เพราะเธอมีความเชื่อขัดกับพระศาสนา ด้วยความหวาดหวั่น โจนเซ็นชื่อถอนคำพูดบางส่วน แต่ด้วยกำลังใจจากเสียงสวรรค์ เธอได้ยกเลิกการเซ็นชื่อนั้น ก่อนตาย โจนได้ให้อภัยศัตรูของเธอ และได้ขออภัยสำหรับความผิดพลาดที่เธอได้เคยทำ เธอได้ขอให้คนช่วยชูไม้กางเขน เพื่อเธอจะได้มองเห็นองค์พระเยซูคริสตเจ้า ขณะที่พระเพลิงล้อมรอบตัวเธอ เธอได้เรียกพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า จนกระทั่งเธอหมดลมหายใจ วันระลึกถึงเธอ คือ วันที่ 30 พฤษภาคม 1431 ซึ่งเป็นวันฉลองนามนักบุญของเธอ ยี่สิบห้าปีต่อมา ในปี 1456 ศาสนศาลได้ประกาศว่า การขึ้นศาลของโจนและการตัดสินลงโทษเธอ เป็นโมฆะเนื่องจากบิดเบือนความจริง และผิดกฏหมาย ทั่วประเทศฝรั่งเศสได้มีขบวนแห่ระลึกถึงวีรกรรมของโจน ในการกู้ชาติ ในปี 1909 นักบุญพระสันตะปาปาปิโอที่ 10 ได้แต่งตั้งโจนเป็นบุญราศี และในปี 1920 พระสันตะปาปาเบเนดิกที่ 15 ได้แต่งตั้งเธอเป็นนักบุญ ตราบจนปัจจุบันนี้ นักบุญโจนเป็นแบบอย่างแห่งความบริสุทธิ์ใจ ความเร่าร้อนในการกอบกู้วิญญาณ และการทำตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า |